ผลศึกษาออกซ์ฟอร์ดชี้ “แอสตราฯ” เข็ม 3 กระตุ้นภูมิต้านโอมิครอน
Main

ผลศึกษาออกซ์ฟอร์ดชี้ “แอสตราฯ” เข็ม 3 กระตุ้นภูมิต้านโอมิครอน

วันนี้ (23 ธ.ค.2564) แอสตราเซเนกา เปิดเผยข้อมูลจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด โดยระบุว่า การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา เป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 มีประสิทธิภาพสูงในการเพิ่มระดับแอนติบอดีต่อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน โดยพบว่าระดับแอนติบอดีที่เพิ่มขึ้นหลังฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น มีระดับสูงกว่าที่พบในผู้ที่เคยติดเชื้อและหายป่วยได้เองจากโรคโควิด-19 ทั้งสายพันธุ์ดั้งเดิม และสายพันธุ์กลายพันธุ์ ได้แก่ อัลฟา เบตา และเดลตา
เซรั่มที่นำมาทดสอบ มาจากผู้ที่ได้รับวัคซีนกระตุ้นเข็ม 3 มาแล้ว 1 เดือน พบว่า ระดับแอนติบอดีชนิดลบล้างหลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาเป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 ต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ได้ผลในระดับเดียวกันกับหลังได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตา
ทั้งนี้ การศึกษาดังกล่าวได้วิเคราะห์ตัวอย่างเลือดของผู้ติดเชื้อโควิด-19, ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสและได้รับเข็มกระตุ้นแล้ว รวมถึงผู้ที่มีประวัติการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่น่ากังวลอื่นๆ โดยใช้ตัวอย่างเลือดของผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาครบ 3 เข็มเป็นจำนวน 41 คน
ศาสตราจารย์ จอห์น เบลล์ ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้วิจัย กล่าวว่า การค้นพบว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่ใช้ในปัจจุบัน สามารถใช้เป็นวัคซีนเข็มกระตุ้นเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ ถือเป็นข่าวดี ซึ่งผลการศึกษานี้สามารถช่วยสนับสนุนแนวทางของประเทศต่างๆ ในการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้แก่ประชาชน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ที่น่ากังวลต่างๆ รวมถึงสายพันธุ์โอมิครอน
ขณะที่ข้อมูลจากการศึกษาในห้องปฏิบัติการอีกการศึกษาหนึ่ง บ่งชี้ว่าวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาต่อเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน พบว่าในผู้ที่ได้รับวัคซีน 2 โดส สามารถคงระดับการลบล้างเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนได้ แม้ว่าจะมีระดับฤทธิ์ลบล้างที่ลดลงกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาอื่นๆ ที่บ่งชี้ว่า วัคซีนของแอสตราเซเนกาเพิ่มการตอบสนองของเม็ดเลือดขาว ชนิดทีเซลล์ ที่หลากหลายและยาวนานต่อไวรัสสายพันธุ์ต่างๆ ซึ่งเป็นการตอบสนองของร่างกายต่อเชื้อไวรัสที่ครอบคลุมมากกว่าแค่แอนดิบอตีเพียงอย่างเดียว
เมเน แพนกาลอส รองประธานบริหารฝ่ายวิจัยและพัฒนาด้านยาชีวเภสัชภัณฑ์ ของแอสตราเซเนกา กล่าวว่า ข้อมูลจากการศึกษาครั้งล่าสุดสร้างความเชื่อมั่นต่อการ ใช้วัคซีนของแอสตราเซเนกา เป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 พร้อมเชื่อว่าการตอบสนองของเม็ดเลือดขาวชนิดทีเซลล์ จะช่วยป้องกันการติดเชื้อรุนแรงและป้องกันอาการเจ็บป่วยในระดับที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้ในระยะยาว
 
อ่านข่าวอื่นๆ
นักวิทย์ฯ เผยผลวิจัย “โอมิครอน” ลดโอกาสเข้า รพ.น้อยกว่าเดลตา
อิสราเอลเตรียมฉีดวัคซีนเข็ม 4 ให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป
สหรัฐฯ อนุมัติยาต้านไวรัสโควิด-19 ตัวแรก
 …
Read More

ระทึก!หนุ่มถือทั้งมีดทั้งขวานบุกเคลียร์ใจเมีย พอถูกห้ามเกิดคลั่งฟันหัวปู่ย่าเลือดอาบ

กำแพงเพชร – หนุ่มถือมีด-ขวาน บุกบ้านหวังเคลียร์ใจเมียที…

ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ บ้านแสงภา อ.นาแห้ว สนุก-สีสันตระการตา ส่งท้ายสงกรานต์เมืองเลย

งานประเพณีแห่ต้นดอกไม้ มีการสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นมาพร้อม…

รีวิว ASUS Zenbook DUO 2024 โน้ตบุ๊ก 2 จอแบบเต็มไซต์ ใช้ได้เต็มที่ มีคีย์บอร์ดให้ด้วย

ASUS Zenbook DUO 2024 พัฒนาจากรุ่นก่อนที่เคยมีจอที่ 2 แ…

เอาใจคนรักสุขภาพทุกช่วงวัย ดร. พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล เปิดตัวแบรนด์ Prime9 ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพรีเมี่ยม

ดร. พิมพ์ขวัญ บุญจิตต์พิมล รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลนวมิน…