Main

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิภาค 4 ลม ตอน ข้าคือมูซาชิ

นวนิยายอิงประวัติศาสตร์ ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962) -แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา 1 เมื่อไม่มีใครเข้ามากั้นขวางมูซาชิก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหยุด เจ้าหนุ่มนักดาบเดินตัวตรงก้าวยาว ๆ ด้วยท่วงท่าอาจหาญผ่านพ้นร้านน้ำชา ดุ่มไปข้างหน้าได้ราวหนึ่งร้อยก้าวก็มีเสียงตะโกนอย่างเลือดเดือดดังลั่นออกมาจากกลุ่มศิษย์สำนักดาบโยชิโอกะ “กล้าดีก็เข้ามา” ยังไม่ทันสิ้นเสียงศิษย์ร่วมสำนักแปดเก้าคนก็ชักดาบดังเควี้ยวคว้าวกรูออกมาล้อมหน้าล้อมหลังเป็นวง ร้องท้าเป็นเสียงเดียวกัน “กล้าดีก็ชักดาบออกมาเลย” “มูซาชิ หยุดเดี๋ยวนี้” นักดาบคนหนึ่งถลันออกมาตรงหน้า “อะไรรึ” มูซิชิตอบเหมือนเป็นเรื่องปกติแต่กระแสเสียงนั้นหนักแน่นจนหูของศัตรูสะเทือน เจ้าหนุ่มขยับตัวไปทางด้านข้างและหยุดยืนหยัดอยู่ข้างทางตรงที่มีกระท่อมชายป่าเป็นเครื่องกำบังหลัง มองจากท่อนไม้ที่ก่ายกองกันเป็นภูเขาก็รู้ว่าเป็นกระท่อมที่หลับนอนของคนตัดไม้ คนข้างในได้ยินเสียงเอะอะจึงแง้มประตูออกมาดู “ทะเลาะกันอีกแล้ว ข้าละเบื่อ” แต่พอเห็นว่าอะไรเป็นอะไรก็ร้องไม่เป็นภาษาแล้วรีบปิดประตูขัดสลักกลอนแน่นหนา แล้วก็คงซุกเข้าไปนอนตัวสั่นอยู่ในโปง ไม่มีใครร้องอะไรอีกสักแอะเดียวราวกับเป็นกระท่อมร้าง ฝ่ายศิษย์สำนักโยชิโอกะกระเหี้ยนกระหือรือราวกับฝูงหมาหลงป่า เป่าปากบ้างส่งเสียงกู่ตะโกนบ้างเป็นสัญญาณให้มากลุ้มรุมกัน และไม่กี่อึดใจต่อมาพรรคพวกก็แห่เข้ามาพร้อมเพรียงกัน มากมายจนตาลายเห็นเป็นเกือบสองเท่า มายี่สิบเห็นเป็นสี่สิบ หรือว่ามาสี่สิบเห็นเป็นเจ็ดสิบ แต่ที่แน่ ๆ คือไม่น้อยกว่าสามสิบ นักดาบในชุดดำปลอดตีวงล้อมมูซาชิเอาไว้ทุกด้านและเมื่อรวมกระท่อมมืด ๆ ด้านหลังด้วยแล้ว จึงดูเหมือนเจ้าหนุ่มนักดาบยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางวงกั้นของกำแพงสีดำ ดวงตาโตและคมวาวของมูซาชิจับจ้องไปข้างหน้า คะเนจำนวนนักดาบที่ล้อมอยู่สามด้านและตั้งสมาธิอ่านจากท่าทีของศัตรูว่าจะเคลื่อนไหวไปทางใด เมื่อคนสามสิบคนมาผนึกกำลังกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนเช่นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องอ่านใจของทั้งสามสิบคน เพราะกลุ่มคนย่อมมีใจเดียวกัน และการอ่านใจหมู่คณะนั้นไม่ใช่เรื่องยากเพราะแค่เคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก็จับทางได้แล้ว จริงดังคาด ไม่มีใครแตกกลุ่มกระโจนเข้ามาฟันมูซาชิทันควัน
Read More

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิภาค 4 ลม ทุ่งร้างทางเปลี่ยว
Main

MUSASHI-มิยาโมโตะ มุซาชิภาค 4 ลม ทุ่งร้างทางเปลี่ยว

ตำนานนักดาบผู้ก่อกำเนิดสำนักนิเท็นอิจิริว และ คัมภีร์ห้าห่วง บทประพันธ์ของ โยชิกาวะ เออิจิ (1892-1962) -แปลและเรียบเรียงโดย ฉวีวงศ์ อัศวเสนา 1 เมื่อเดินมาด้วยกันมาถึงต้นทางลงเนินลาดยาวนางาซากะบนเส้นทางสายทัมบะ ไม่ว่าใครจะต้องชี้ชวนชมความงามของทิวทัศน์ในมุมกว้างสุดสายตากันทั้งนั้น และที่เห็นเป็นประกายราวสายฟ้าลิบ ๆ อยู่เหนือทิวไม้ คือหิมะที่ยังหลงเหลืออยู่ตามหลืบเขาที่โอบล้อมชานเมืองด้านตะวันตกเฉียงเหนือของนครหลวงเกียวโต “ก่อกองไฟกันดีไหม” ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้น วันที่เก้าของปีใหม่ต้นฤดูใบไม้ผลิ อากาศยังเยียบเย็นบางเวลาอย่างเช่นวันนี้ยังหนาวเหน็บราวกับกลางฤดูหนาว ลมที่พัดลงมาจากทิวเขาคินูงาซะไม่ขาดสาย เสียงนกป่าเพรียกหากัน และแม้แต่ดาบในฝักก็ยังช่วยกันระดมความเยือกเย็นให้แก่ผิวกายจนต้องเรียกหาความอบอุ่น “เออ เอ็งก่อไฟเก่งนี่ ลุกโชนทีเดียว ค่อยยังชั่วหน่อย” คนหนึ่งเอ่ยชม อีกคนหนึ่งท้วงติง “ลูกไฟกระเด็นออกอย่างนั้นต้องระวังกันหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวเกิดไฟป่าขึ้นละก็จะยุ่งกันใหญ่” “ไม่ต้องห่วงถึงขนาดนั้นหรอก แม้ไฟป่าจะลุกลามแค่ไหนก็ไปไม่ถึงเกียวโตแน่” กองไฟที่ก่อขึ้นตรงชายทุ่งได้เชื้อเพลิงอย่างดีจึงคุโพลงส่งเสียงเปรี๊ยะประ แสงจากเปลวไฟที่พลุ่งสูงจนเกือบถึงดวงอาทิตย์ยามเช้า สะท้อนจับใบหน้าชายฉกรรจ์กว่าสี่สิบคนที่ล้อมรอบอยู่ทำให้ดูเหี้ยมเกรียมขึ้นไปอีก “เฮ้ย ๆ ชักจะร้อนไปแล้ว” คราวนี้ถึงกับมีคนบ่น “พอได้แล้ว” อูเอดะ เรียวเฮปัดควันไฟเป็นพัลวัน ร้องห้ามคนที่กำลังจะโยนหญ้าแห้งลงไปในกองไฟเสียงเขียว ศิษย์สำนักดาบโยชิโอกะผิงไฟกันอยู่ครู่ใหญ่ “น่าจะกว่าหกนาฬิกาแล้ว” ใคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “จริงรึ” หลายคนแหงนหน้าขึ้นสำรวจดูทิศทางดวงอาทิตย์ “จวนจะได้เวลานัดแล้ว” ใช่สิ… ทุ่งเร็นไดจิทางเหนือของนครหลวง วันที่เก้าของปีใหม่ เวลาเช้าเจ็ดนาฬิกา…
Read More