โจรไซเบอร์ระบาด แอปฯ แบงก์ดูดเงิน แค่ล้อมคอกเอาผิด “ซิมผี-บัญชีม้า” ไม่พอ แต่ “ระบบธนาคาร” ต้องสู้ “ระบบโจร” ให้ได้
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ – คุณภาพชีวิตคนไทยในโมงยามนี้ ไม่เพียงแบกหนี้หัวโตเท่านั้น เงินทองหามาได้เก็บออมฝากธนาคารไว้ยังเจอภัยโจรไซเบอร์ที่อาละวาดหนักสร้างความเสียหายในวงกว้างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ลูกค้าที่ผูกแอปพลิเคชั่นโมบายแบงก์กิ้งกับธนาคารทุกสาขาอาชีพทุกเพศทุกวัย วันดีคืนดีเงินในบัญชีก็หายเกลี้ยง ทั้งแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทั้งแบบเผลอกดลิงค์แอปฯ แบงก์ปลอม ตกหลุมพรางสารพัดสารพันกลโกง ปัญหานี้ ที่ผ่านมาธนาคารก็มักจะโยนกลับให้ลูกค้าวิ่งเต้นแก้ปัญหากันหัวหมุน ต้องไปแจ้งความก่อนมาหาแบงก์และกระบวนการตรวจสอบล่าช้า กระทั่งความเสียหายขยายวงกว้างมากขึ้นๆ ความเชื่อมั่นใน “สังคมไร้เงินสด” เริ่มหดหายลงไป ทำให้ธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ ต้องออกกฎหมายและมาตรการต่างๆ มาล้อมคอกไล่จับโจรไซเบอร์กันยกใหญ่ เริ่มจากสมาคมธนาคารไทย นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย (TBA) กล่าวยอมรับว่าการหลอกลวงโอนเงินผ่านแอปพลิเคชั่นโมบายแบงกิ้ง ส่งผลกระทบความเชื่อมั่นของประชาชนต่อสถาบันการเงิน ซึ่งมาตรการป้องกันมิจฉาชีพจะต้องป้องกันตั้งแต่ต้นทางหรือตั้งแต่ระบบสื่อสาร/อินเทอร์เน็ตไปจนถึงการโอนเงินข้ามธนาคารผ่านบัญชีม้าโดยต้องดูทั้งระบบนิเวศแบบ end to end เช่น การตรวจจับการเปิดเบอร์มือถือจำนวนมากและผิดสังเกต ซึ่งต้องประสานงานระหว่างกันเพื่อยับยั้งให้ทัน สำหรับมาตรการที่ออกมาจะแบ่งเป็น 2 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ภายในธนาคารเอง ปัจจุบันจะเห็นว่าทุกธนาคารอยู่ระหว่างการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการตรวจจับธุรกรรมน่าสงสัยที่มีลักษณะเดียวกันและเป็นธุรกรรมที่ต้องระวัง และ 2.ข้ามธนาคาร กรณีที่ธนาคารใดธนาคารหนึ่งเจอธุรกรรมน่าสงสัย จะแจ้งให้ธนาคารอื่นพึงระมัดระวังร่วมกัน ซึ่งทุกธนาคารจำเป็นต้องเร่งพัฒนาการตรวจจับโดยใช้ระบบเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยตรวจจับธุรกรรมที่มีจำนวนมาก อย่างไรก็ดี จากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)
Read More