สภาเภสัชกรรม พร้อมด้วยสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) ร่วมลงนามความร่วมมือพัฒนาวิชาชีพเภสัชกรรมชุมชน ผลักดันระบบ A-Med Care Pharmarcy พัฒนาระบบบริการด้านเภสัชกรรม เชื่อมระบบบริการเภสัชกรรม เพิ่มความสะดวก เข้าถึงบริการ ดูแลผู้ใช้สิทธิบัตรทอง
รศ.พิเศษ ภก.กิตติ พิทักษ์นิตินันท์ นายกสภาเภสัชกรรม กล่าวว่า ในปี 2562 นับตั้งแต่การระบาดของโควิด 19 เป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาระบบ A-Med และนำมาใช้จริงในโครงการ “เจอ แจก จบ” หรือ โครงการ Self-isolation โดยร้านยาเป็นหน่วยร่วมบริการส่งต่อเฉพาะด้านเภสัชกรรมของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) โดยได้ให้บริการดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด -19 (กลุ่มสีเขียว) ที่บ้าน โดยใช้ระบบ A-Med Care ในการบันทึกอาการ จ่ายยา และติดตามอาการไปจนถึงขั้นตอนการเบิกจ่ายค่าบริการ โดยขณะนี้มีผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลจากเภสัชกรชุมชนในโครงการ เจอ แจก จบ รวมกว่า 60,000 คน จากร้านยา 700 แห่งที่ร่วมโครงการ
ต่อมาในปีงบประมาณ 2566 สภาเภสัชกรรมจึงเสนอบริการ 16 อาการเล็กน้อยมารับยาที่ร้านยา โดยเภสัชกรจะแนะนำการใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการเบื้องต้น หลังจากรับยา 3 วัน จะติดตามผลการใช้ยาว่าผู้ป่วยดีขึ้นหรือไม่ ซึ่งโครงการดังกล่าวสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชนที่มาใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยประชาชนสามารถสังเกตร้านยาที่ให้บริการได้จากสติกเกอร์หน้าร้านยาที่เขียนว่า “ร้านยาคุณภาพของฉัน”
ศ.ดร.ชูกิจ ลิมปิจำนงค์ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ระบบ A-MED Care พัฒนาโดย สวทช.เป็นแพลตฟอร์มหลังบ้านในการบริหารจัดการ การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามสิทธิบัตรทอง ซึ่งร้านยาที่เข้าร่วมจะต้องมีมาตรฐานหลักวิธีปฏิบัติทางเภสัชกรรมชุมชน ของกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงผ่านเกณฑ์การคัดเลือกของสภาเภสัชกรรม เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่าจะได้รับการดูแลรักษาที่ได้มาตรฐานมีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ สวทช.ได้รับความไว้วางใจจาก เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และนายกสภาเภสัชกรรม ในการร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ให้เข้าไปมีส่วนขับเคลื่อนการให้บริการด้านเภสัชกรรมและด้านการสาธารณสุขของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพ
นพ.สินชัย ต่อวัฒนกิจกุล รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เภสัชกรเป็นวิชาชีพที่เข้าถึงชุมชนโดยให้บริการในร้านยา จึงร่วมให้บริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ภายใต้ชื่อ “ร้านยาชุมชนอบอุ่น” ซึ่งปัจจุบันมีมากกว่า 1,000 แห่ง ทั่วประเทศ
นอกจากการให้บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคแล้ว ยังเพิ่มนวัตกรรมบริการ “ร้านยาบริการดูแลเจ็บป่วยเล็กน้อย 16 กลุ่มอาการ” (Common illnesses) โดย “ร้านยาคุณภาพของฉัน” และเพื่อให้ร้านยาชุมชนอบอุ่นสามารถให้บริการผู้ใช้สิทธิบัตรทองได้มากขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบ A-MED Care Pharma เพื่อรองรับ จึงนำมาสู่ความร่วมมือครั้งนี้
สำหรับบริการผ่าน “ร้านยาคุณภาพของฉัน” ด้วยระบบ A-MED Care Pharma เริ่มให้บริการประชาชนตั้งแต่ พ.ย.2565 16 โดยให้บริการดูแลอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยครอบคลุม 16 กลุ่มอาการ ได้แก่ ปวดหัว…
Read More