ชาวไร่อ้อยรุดถก”ภูมิธรรม”พรุ่งนี้เคลียร์ราคาน้ำตาลขู่ไม่ลงตัวพร้อมปิดรง.สกัดน้ำตาลออกสู่ตลาด5พ.ย.
ชาวไร่อ้อยเตรียมเข้าหารือ”ภูมิธรรม” รองนายกฯและรมว.พาณิชย์วันพรุ่งนี้หวังเคลียร์ให้ชัดเจนถึงแนวทางการควบคุมราคาน้ำตาลทรายและการช่วยเหลือชาวไร่อ้อยหากไม่ให้สอน.ประกาศขึ้นราคาหน้าโรงงาน 4 บาท/กก. รับหากการหารือไม่เป็นที่ยุติหรือไม่เป็นที่ยอมรับได้พร้อมยกระดับการปิดโรงงานไม่ให้ขนย้ายน้ำตาลออกในส่วนของชาวไร่ 5 พ.ย.นี้ทั่วประเทศ นายปารเมศ โพธารากุล ประธานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เ ปิดเผยว่า พรุ่งนี้(2พ.ย.) ตัวแทนจากชาวไร่อ้อยประมาณ 8-10 คนจะเข้าพบหารือกับนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เพื่อขอรับฟังถึงเหตุผลถึงการควบคุมราคาน้ำตาลทรายหน้าโรงงานให้คงเดิมและการกำหนดให้น้ำตาลทรายเป็นสินค้าควบคุมและแนวทางในการช่วยเหลือต้นทุนชาวไร่อ้อยว่าจะดำเนินการอย่างไร โดยหากการหารือไม่มีแนวทางหรือเหตุผลที่เพียงพอชาวไร่ก็พร้อมที่จะดำเนินมาตรการขั้นเด็ดขาดด้วยการปิดโรงงานผลิตน้ำตาลทั่วประเทศ พร้อมกันในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2566นี้ เพื่อไม่ให้นำน้ำตาลในส่วนของชาวไร่อ้อยตามระบบแบ่งปัน 70%ขนออกมาเพราะขายไปแล้วจะขาดทุน “ ตัวแทนจาก 4 องค์กรหลัก ได้แก่ สหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย ,ชมรมสถาบันชาวไร่อ้อยภาคอีสาน ,สหสมาคมชาวไร่อ้อย แห่งประเทศไทย ,สมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย รวมไปถึงนายกสมาคมชาวไร่อ้อยบางส่วนจะเข้าหารือในครั้งนี้ คงต้องรอดูเหตุผลและแนวทางช่วยเหลือจากพาณิชย์ก่อน”นายปารเมศกล่าว ทั้งนี้ราคาน้ำตาลทรายที่สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(สอน.)ประกาศขึ้นราคาหน้าโรงงาน 4 บาทต่อกิโลกรัมนั้นเป็นไปตามความเห็นของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.)ที่มีตัวแทนทุกส่วนรวมถึงกระทรวงพาณิชย์และตามระเบียบใหม่เพื่อนำราคาดังกล่าวไปคำนวณราคาอ้อยฯปี 2566/67 ให้สะท้อนข้อเท็จจริงที่ราคาชายปลีกได้มีการปรับขึ้นไปแล้วเพราะน้ำตาลเป็นสินค้าลอยตัว หน้าที่ภายใต้พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทรายปัจจุบันกระทรวงพาณิชย์ต้องดูแลราคาปลายทางเมื่อลงมาคุมตั้งแต่ต้นทางจึงย้อนกลับไปสู่จุดเดิมทั้งที่ก่อนหน้านั้นพาณิชย์ก็เป็นฝ่ายผลักดันให้ปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทายเพื่อไม่ให้บราซิลฟ้องร้องกับองค์การการค้าโลก(WTO) “วันที่ลอยตัวราคาตอนนั้นราคาน้ำตาลก็ลดลง2-3บาทต่อกก.ทำให้โรงงานผลิตเครื่องดื่มถึงกับประกาศกำไรเพิ่มและระบุด้วยซ้ำว่าน้ำตาลลง และน้ำตาลก็ไม่ได้ปรับสูงขึ้นมากราคาหน้าโรงงานก็เฉลี่ย 19-20 บาทต่อกก.มาช้านานแต่พอต้นทุนชาวไร่เพิ่มสูง ราคาตลาดโลกเพิ่มกลับมาคุมอีกทั้งที่การคุมไม่ได้ง่ายตราบที่ราคาตลาดโลกยังสูงกว่าไทยมากยิ่งจะทำให้ขาดแคลนซึ่งรัฐควรจะไปควบคุมราคาสินค้าประเภทฟุ่มเฟือยนะและกลุ่มเครื่องดื่มเองบางส่วนก็เป็นสินค้าฟุ่มเฟือยมีโทษต่อสุขภาพด้วยซ้ำไปกลับไม่ทำ”นายปารเมศกล่าว นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราคาน้ำตาลทรายขายปลีกในท้องตลาดส่วนใหญ่เมื่อปรับขึ้นไปก่อนหน้านี้ด้วยระบบกลไกลอยตัวราคาก็ยากที่จะปรับลงโดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัดและยิ่งจะตึงตัวมากขึ้นหากรัฐควบคุมราคาหน้าโรงงานเพราะจะเอื้อให้เกิดการไหลออกไปประเทศเพื่อนบ้านที่ราคาสูงกว่าไทยเฉลี่ยราว8- 10 บาทต่อกก.
Read More