ลุ้น! ศบค.ปลดล็อกสถานบันเทิง-เล็งต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2 เดือน
วันนี้ (26 พ.ย.2564) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์ COVID-19 (ศบค.) เป็นประธานการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยวาระที่น่าสนใจคือการพิจารณาปรับลดพื้นที่โซนสีแดงเข้ม ซึ่งเดิมมีอยู่ 6 จังหวัด คือ ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลา นครศรีธรรมราช และตาก แต่จะมีการปรับโซนสีในระดับอื่นๆ เพิ่มเติม และยกเลิกเคอร์ฟิว
พร้อมจะมีการพิจารณาขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เสนอให้ขยายไปอีก 2 เดือน เพื่อให้คร่อมในช่วงเทศกาลปีใหม่ไปก่อน เดิมจะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 พ.ย.นี้ โดยให้ต่อขยายมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 31 ม.ค.2565
เล็งคลายล็อกรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ
นอกจากนี้ คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เสนอแผนเปิดประเทศระยะที่ 2 เข้าที่ประชุมศบค.วันนี้หลังเปิดประเทศตั้งแต่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา พบนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยระหว่าง 1-24 พ.ย.นี้ 98,900 คน มีผู้ติดเชื้อ 131 คน หรือคิดเป็น ร้อยละ 0.13
จากสถิติ ที่พบจำนวนผู้ติดเชื้อในระดับที่น้อยมาก ทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ มีมติปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร ตามแผนการเปิดประเทศ ระยะที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-31 ธ.ค.นี้เสนอที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ และเริ่มใช้ในวันที่ 16 ธ.ค.นี้ เบื้องต้นคณะกรรมการโรคติดต่อ ห็นชอบใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การปรับแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้เดินทางในการเข้าราชอาณาจักร การปรับวันกักตัว ปรับวิธีการตรวจเมื่อมาถึงประเทศไทย เป็นแบบ ATK จากเดิมตรวจ RT-PCR
รวมทั้งเสนอยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกหนังสือรับรองการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค เป็นแบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยให้บริการผ่านช่องทาง e-Vaccine Passport สำหรับผู้เดินทางระหว่าง ประเทศ 1-31 ธ.ค.2564 และเห็นชอบให้กรมการแพทย์จัดทำแผนปฏิบัติการจัดหายาแพกซ์โลวิด รวมทั้งความก้าวหน้าการจัดหายารักษาโรคโควิด-19
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า แนวทางการเปิดประเทศระยะที่ 2 ที่เสนอเข้า ศบค.วันนี้ จะมีการเปิดช่องทางเข้าประเทศเพิ่มทางเรือ และทางบก เฉพาะด่านที่มีความปลอดภัยจากเดิมอนุญาตให้เข้ามาเฉพาะทางอากาศ เนื่องจากอัตราการติดเชื้อในคนที่เข้ามาในประเทศระยะแรกค่อนข้างต่ำ เช่น คนที่เข้ามาตามระบบ Test &…
Read More